วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

PAT2 Mar 2010



    Mr.Rittichai   Sae Tia
    Cell phone : +66843315969 / 0843315969
    Home phone : +6624769832/ 024769832
    23/14 Moo5, Soi Suksawad14,
    Suksawad Rd.,Jomtong,
    Bangkok - Thailand


Main Menu


# h1chepat2_30    PAT2  วิชาเคมี   เดือนมีนาคม  2553
30. การเกิดพันธะหรือแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคภายในผลึกต่อไปนี้
      ก.   ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน
      ข.   ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว
      ค.   แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ
      ง.   เพชรเกิดพันธะโคเวเลนต์
      จ.   ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก
      ฉ.   ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก
ข้อใดถูก
  1. ก ง และ จ     2. ก จ และ ฉ
  3. ข ค และ ง     4. ข ง และ ฉ




Strategy - the rule "Must have" of Mr.Zhang ®

สิ่งที่โจทย์ให้
ก. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน

สิ่งที่เรารู้
อิเล็กโทรเนกาติวิตี หมายถึง ความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน
ในพันธะเข้ามาหาตัวเอง, Cl อยู่หมู่ 7 มีความสามารถในการดึงอิเล็กตรอน
เข้ามาหาตัวเองมากกว่า Na ซึ่งอยู่หมู่ 1 ดังรูป NaCl

 
  สูตรโมเลกุลของแอมโมเนียคือ NH3
พันธะไฮโดรเจน (Hydrogen Bond) เป็นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่เกิดจากอะตอม
ไฮโดรเจน (H) กับอะตอมของธาตุที่มีขนาดเล็ก และมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตี (EN) สูง
ได้แก่ อะตอมของธาตุ F, O, N
ข้อ ก. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน เป็นตัวเลือกที่ถูกครับ
ข. ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว
ลักษณะเฉพาะและ
สมบัติชนิดของผลึก
  ชนิดของอนุภาคภายในผลึก     ชนิดของพันธะหรือแรง
  ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค
  ตัวอย่างของแข็ง
ผลึกโมเลกุล   โมเลกุลหรืออะตอม   โมเลกุลไม่มีขั้วหรืออะตอม
  - แรงลอนดอน
  โมเลกุลไม่มีขั้ว
  - น้ำแข็งแห้ง
  - แนฟทาลีน
  - กำมะถัน
  - ไอโอดีน
  โมเลกุลหรืออะตอม   โมเลกุลมีขั้ว
  - แรงดึงดูดระหว่างขั้ว
  - พันธะไฮโดรเจน
  โมเลกุลมีขั้ว
  - น้ำแข็ง
  - แอมโมเนีย
โมเลกุลของกำมะถันยึดกันเป็นผลึกกำมะถันอันเกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคเรียกว่า
"แรงลอนดอน"
เรามาดูความหมายของโมเลกุลมีขั้วและไม่มีขั้ว
โมเลกุลไม่มีขั้ว  คือโมเลกุลที่มีรูปร่างสมมาตร ผลรวมของขั้วพันธะ[μ]หักล้างกันหมด
โมเลกุลมีขั้ว  คือโมเลกุลที่มีรูปร่างไม่สมมาตร ผลรวมของขั้วพันธะ[μ]หักล้างกันไม่หมด



พันธะไม่มีขั้ว คือพันธะที่เกิดจากอะตอมของธาตุ ที่มี EN เท่ากันเช่น Cl-Cl พันธะไม่มีขั้วเกิดใน
โมเลกุลใด โมเลกุลนั้นก็มักจะเป็นโมเลกุลไม่มีขั้วเช่น Cl2,  O2,  P4,  S8,  แต่ O3 มีขั้วเล็กน้อย
พันธะมีขั้วเกิดในโมเลกุลใด  โมเลกุลนั้นก็จะเป็นโมเลกุลมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได้
เช่น NH3 มี N-H เป็นพันธะมีขั้วและโมเลกุลของ NH3 ก็เป็นโมเลกุลมีขั้ว BeCl2
มี Be-Cl เป็นพันธะมีขั้ว และ โมเลกุลของ BeCl2เป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว
S8 เป็นพันธะไม่มีขั้วและพันธะไม่มีขั้วมักจะเกิดในโมเลกุลไม่มีขั้ว
และโมเลกุลไม่มีขั้วก็จะยึดเหนี่ยวอนุภาคเข้าด้วยกันด้วยแรงลอนดอน
ข. ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว ข้อนี้ผิดครับ
พิจารณา ง. เพชรเกิดพันธะโคเวเลนต์
พันธะโคเวเลนต์แบบโครงผลึกร่างตาข่าย
พันธะโคเวเลนต์ เกิดจากธาตุที่ใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน สารโครง
ผลึกร่างตาข่าย เกิดจากอะตอมสร้างพันธะโคเวเลนต์ยึดเหนี่ยวกันทั้งสามมิติ
เกิดเป็นโครงสร้างคล้ายตาข่าย เป็นสารที่มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูง
1) เพชร (C) คืออัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและคาร์บอนแต่ละอะตอมใช้
เวเลนซ์อิเล็กตรอน ทั้งหมด สร้างพันธะกับอะตอมของ (C) คาร์บอน อีก 4 อะตอม
ที่อยู่ล้อมรอบ จึงไม่มี e- เหลือ
เพชรจะไม่นำไฟฟ้า มีความแข็งสูงสุด จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมาก ประมาณ 4830 oC
การที่คาร์บอนสร้างพันธะไปทุกทิศทุกทาง ทำให้เพชรมีความแข็งมากกว่า
อัญรูปอื่น ๆ ของคาร์บอน
Carbon has an electronic arrangement is 1s2  2s2 2p2
ในแผนภาพอะตอมของคาร์บอนบางส่วนเท่านั้นที่ดูเหมือนจะกลายเป็น 2 พันธะ
(หรือแม้กระทั่ง 1 พันธะ) แต่นั่นไม่ใช่กรณีที่แท้จริงครับ เราเป็นเพียงแค่แสดง
ส่วนขนาดเล็ก ๆ ของโครงสร้างทั้งหมด นี้เป็นโครงสร้างโควาเลนต์ขนาดใหญ่มาก
มันยังคงต่อเนื่องของพันธะที่เชื่อมกันอย่างไม่หยุดยั้งในทั้งสามมิติ มันไม่ใช่อยู่ใน
รูปของโมเลกุลเพราะจำนวนของอะตอมเข้าร่วมในเพชรจริงอย่างสมบูรณ์นั้นผันแปร
ขึ้นอยู่กับขนาดของผลึก เพชรเป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอน เป็นโครงผลึกร่างตาข่าย
แต่ละอะตอมเกิดพันธะโควาเลนต์กับคาร์บอนอะตอมอื่น อีก 4 อะตอมเป็น รูปทรง
สี่หน้าแบบต่อเนื่อง แต่ละอะตอมจึงถูกยึดไว้แน่นเคลื่อนที่ไม่ได้ เพชรจึงมีความแข็งมาก
ข้อ ง. เป็นตัวเลือกที่ถูกครับ
พิจารณาตัวเลือกที่ ค. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ
Carbon has an electronic arrangement is 1s2  2s2 2p2

แกรไฟต์เป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและเกิดพันธะโคเวเลนต์ และเป็นโครงผลึก
ร่างตาข่ายครับ คาร์บอนแต่ละอะตอมใช้เวเลนต์อิเล็กตรอน 3e-สร้างพันธะกับ
คาร์บอนที่อยู่ใกล้เคียง ตัวธาตุคาร์บอนก็จะเหลือ 1e- อิสระเคลื่อนที่ไปทั่วภายในชั้น
แกรไฟต์จึงนำไฟฟ้าได้ดีเฉพาะภายในชั้นเดียวกัน และเลื่อนไถลไปตามชั้นได้ง่าย
จึงนิยมนำไปทำไส้ดินสอ สารหล่อลื่น ทำสีผ้าหมึกคาร์บอนแต่ละอะตอมเชื่อมกันอย่าง
แข็งแรงกับคาร์บอนอีก 3 ตัวในการสร้างแต่ละชั้นที่ถูกเชื่อมกันกับด้วยรูป 6 เหลี่ยม
แต่ละชั้นแสดงตัวตนเสมือนเป็น 1 โมเลกุลแต่ละชั้นเชื่อมกันอย่างไม่แข็งแรง
ตัวเลือกข้อ ค. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ ผิดครับ
ที่ถูกคือแกรไฟต์เกิดพันธะโคเวเลนต์ และเป็นโครงผลึกร่างตาข่าย

พิจารณา ฉ. ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก
หรือ ซิลิกา อะตอมของซิลิคอนจัดเรียงตัวเหมือน C ในเพชร แต่มี O คั่นอยู่ระหว่าง
อะตอมของซิลิคอนแต่ละคู่ มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงแข็งมากในธรรมชาติพบใน
รูปควอตซ์ ไตรดีไมด์ คริสโตบาไลต์ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำแก้ว ใยแก้วนำแสง
ตัวเลือกข้อ ฉ ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก ผิดครับ
ที่ถูกคือยึดเหนี่ยวด้วยพันธะโคเวเล้นต์มีรูปร่างโครงผลึกร่างตาข่ายครับ
พิจารณาตัวเลือกที่ จ. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก
ผลึกไอออนิก (Ionic Crystal) หน่วยอนุภาคของผลึกชนิดนี้ คือ ไอออน ประกอบด้วย
ไอออนบวก (cations) และไอออนลบ (anions) ที่เชื่อมเข้าด้วยกันด้วยแรงดึงดูดของ
ไฟฟ้าสถิต จะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีเมื่อถูกหลอมละลายและไม่ดีเมื่ออยู่ในสภาวะของแข็ง
เพราะไอออนไม่มีการเคลื่อนที่ มีความแข็งแรง และจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง
เนื่องจากต้องใช้พลังงานในการแยกไอออนออกจากกันมาก ตัวอย่างผลึกชนิดนี้
ได้แก่ CsCl, ZnS, CaF2, CuSO4, NaCl เป็นต้น
(ZnS)Zinc sulfide โดยปกติถูกผลิตจากวัสดุเหลือใช้.
มักจะผลิตจากวัสดุที่วัสดุเหลือใช้จากการใช้งานอื่น ๆ แหล่งที่มาทั่วไปรวมถึงโรงหลอม,
ตะกรันและเหล้าดอง นอกจากนี้ยังเป็นผลพลอยได้จากการสังเคราะห์ของแอมโมเนียจาก
ก๊าซมีเทน โดยที่ ZnO ถูกใช้ในการไล่ไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่สกปรกในก๊าซธรรมชาติ.
ZnO + H2S → ZnS + H2O




พิจารณาตัวเลือกที่ จ. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก ถูกต้องครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น