|
Mr.Rittichai Sae Tia Cell phone : +66843315969 / 0843315969 Home phone : +6624769832/ 024769832 23/14 Moo5, Soi Suksawad14, Suksawad Rd.,Jomtong, Bangkok - Thailand |
Main Menu |
# h1chepat2_30 PAT2 วิชาเคมี เดือนมีนาคม 2553 | |
30. การเกิดพันธะหรือแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคภายในผลึกต่อไปนี้ | |
ก. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน | |
ข. ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว | |
ค. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ | |
ง. เพชรเกิดพันธะโคเวเลนต์ | |
จ. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก | |
ฉ. ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก | |
ข้อใดถูก | ||
1. ก ง และ จ | 2. ก จ และ ฉ | |
3. ข ค และ ง | 4. ข ง และ ฉ |
Strategy -
the rule "Must have" of Mr.Zhang ®
สิ่งที่โจทย์ให้ ก. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน |
สิ่งที่เรารู้ |
อิเล็กโทรเนกาติวิตี หมายถึง ความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอน ในพันธะเข้ามาหาตัวเอง, Cl อยู่หมู่ 7 มีความสามารถในการดึงอิเล็กตรอน เข้ามาหาตัวเองมากกว่า Na ซึ่งอยู่หมู่ 1 ดังรูป NaCl |
|
สูตรโมเลกุลของแอมโมเนียคือ NH3 |
พันธะไฮโดรเจน (Hydrogen Bond) เป็นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่เกิดจากอะตอม ไฮโดรเจน (H) กับอะตอมของธาตุที่มีขนาดเล็ก และมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตี (EN) สูง ได้แก่ อะตอมของธาตุ F, O, N |
![]() ![]() |
ข้อ ก. ผลึกแอมโมเนียเกิดพันธะไฮโดรเจน เป็นตัวเลือกที่ถูกครับ |
ข. ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว |
ลักษณะเฉพาะและ สมบัติชนิดของผลึก |
ชนิดของอนุภาคภายในผลึก | ชนิดของพันธะหรือแรง ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค |
ตัวอย่างของแข็ง |
ผลึกโมเลกุล | โมเลกุลหรืออะตอม | โมเลกุลไม่มีขั้วหรืออะตอม - แรงลอนดอน |
โมเลกุลไม่มีขั้ว - น้ำแข็งแห้ง - แนฟทาลีน - กำมะถัน - ไอโอดีน |
โมเลกุลหรืออะตอม | โมเลกุลมีขั้ว - แรงดึงดูดระหว่างขั้ว - พันธะไฮโดรเจน |
โมเลกุลมีขั้ว - น้ำแข็ง - แอมโมเนีย |
โมเลกุลของกำมะถันยึดกันเป็นผลึกกำมะถันอันเกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคเรียกว่า
"แรงลอนดอน" |
![]() ![]() |
เรามาดูความหมายของโมเลกุลมีขั้วและไม่มีขั้ว |
โมเลกุลไม่มีขั้ว คือโมเลกุลที่มีรูปร่างสมมาตร ผลรวมของขั้วพันธะ[μ]หักล้างกันหมด |
![]() ![]() |
โมเลกุลมีขั้ว คือโมเลกุลที่มีรูปร่างไม่สมมาตร ผลรวมของขั้วพันธะ[μ]หักล้างกันไม่หมด |
![]() ![]() |
พันธะไม่มีขั้ว คือพันธะที่เกิดจากอะตอมของธาตุ
ที่มี EN เท่ากันเช่น Cl-Cl
พันธะไม่มีขั้วเกิดใน โมเลกุลใด โมเลกุลนั้นก็มักจะเป็นโมเลกุลไม่มีขั้วเช่น Cl2, O2, P4, S8, แต่ O3 มีขั้วเล็กน้อย |
พันธะมีขั้วเกิดในโมเลกุลใด โมเลกุลนั้นก็จะเป็นโมเลกุลมีขั้วหรือไม่มีขั้วก็ได้ เช่น NH3 มี N-H เป็นพันธะมีขั้วและโมเลกุลของ NH3 ก็เป็นโมเลกุลมีขั้ว BeCl2 มี Be-Cl เป็นพันธะมีขั้ว และ โมเลกุลของ BeCl2เป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว |
S8 เป็นพันธะไม่มีขั้วและพันธะไม่มีขั้วมักจะเกิดในโมเลกุลไม่มีขั้ว และโมเลกุลไม่มีขั้วก็จะยึดเหนี่ยวอนุภาคเข้าด้วยกันด้วยแรงลอนดอน ข. ผลึกกำมะถันเกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว ข้อนี้ผิดครับ |
![]() |
พิจารณา ง. เพชรเกิดพันธะโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์แบบโครงผลึกร่างตาข่าย พันธะโคเวเลนต์ เกิดจากธาตุที่ใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน สารโครง ผลึกร่างตาข่าย เกิดจากอะตอมสร้างพันธะโคเวเลนต์ยึดเหนี่ยวกันทั้งสามมิติ เกิดเป็นโครงสร้างคล้ายตาข่าย เป็นสารที่มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูง 1) เพชร (C) คืออัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและคาร์บอนแต่ละอะตอมใช้ เวเลนซ์อิเล็กตรอน ทั้งหมด สร้างพันธะกับอะตอมของ (C) คาร์บอน อีก 4 อะตอม ที่อยู่ล้อมรอบ จึงไม่มี e- เหลือ เพชรจะไม่นำไฟฟ้า มีความแข็งสูงสุด จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมาก ประมาณ 4830 oC การที่คาร์บอนสร้างพันธะไปทุกทิศทุกทาง ทำให้เพชรมีความแข็งมากกว่า อัญรูปอื่น ๆ ของคาร์บอน |
![]() |
Carbon has an electronic arrangement is 1s2
2s2 2p2 ในแผนภาพอะตอมของคาร์บอนบางส่วนเท่านั้นที่ดูเหมือนจะกลายเป็น 2 พันธะ (หรือแม้กระทั่ง 1 พันธะ) แต่นั่นไม่ใช่กรณีที่แท้จริงครับ เราเป็นเพียงแค่แสดง ส่วนขนาดเล็ก ๆ ของโครงสร้างทั้งหมด นี้เป็นโครงสร้างโควาเลนต์ขนาดใหญ่มาก มันยังคงต่อเนื่องของพันธะที่เชื่อมกันอย่างไม่หยุดยั้งในทั้งสามมิติ มันไม่ใช่อยู่ใน รูปของโมเลกุลเพราะจำนวนของอะตอมเข้าร่วมในเพชรจริงอย่างสมบูรณ์นั้นผันแปร ขึ้นอยู่กับขนาดของผลึก เพชรเป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอน เป็นโครงผลึกร่างตาข่าย แต่ละอะตอมเกิดพันธะโควาเลนต์กับคาร์บอนอะตอมอื่น อีก 4 อะตอมเป็น รูปทรง สี่หน้าแบบต่อเนื่อง แต่ละอะตอมจึงถูกยึดไว้แน่นเคลื่อนที่ไม่ได้ เพชรจึงมีความแข็งมาก |
ข้อ ง. เป็นตัวเลือกที่ถูกครับ |
![]() |
พิจารณาตัวเลือกที่ ค. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ |
Carbon has an electronic arrangement is 1s2
2s2 2p2 แกรไฟต์เป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและเกิดพันธะโคเวเลนต์ และเป็นโครงผลึก ร่างตาข่ายครับ คาร์บอนแต่ละอะตอมใช้เวเลนต์อิเล็กตรอน 3e-สร้างพันธะกับ คาร์บอนที่อยู่ใกล้เคียง ตัวธาตุคาร์บอนก็จะเหลือ 1e- อิสระเคลื่อนที่ไปทั่วภายในชั้น แกรไฟต์จึงนำไฟฟ้าได้ดีเฉพาะภายในชั้นเดียวกัน และเลื่อนไถลไปตามชั้นได้ง่าย จึงนิยมนำไปทำไส้ดินสอ สารหล่อลื่น ทำสีผ้าหมึกคาร์บอนแต่ละอะตอมเชื่อมกันอย่าง แข็งแรงกับคาร์บอนอีก 3 ตัวในการสร้างแต่ละชั้นที่ถูกเชื่อมกันกับด้วยรูป 6 เหลี่ยม แต่ละชั้นแสดงตัวตนเสมือนเป็น 1 โมเลกุลแต่ละชั้นเชื่อมกันอย่างไม่แข็งแรง |
ตัวเลือกข้อ ค. แกรไฟต์เกิดพันธะโลหะ ผิดครับ ที่ถูกคือแกรไฟต์เกิดพันธะโคเวเลนต์ และเป็นโครงผลึกร่างตาข่าย |
พิจารณา ฉ. ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก |
หรือ ซิลิกา อะตอมของซิลิคอนจัดเรียงตัวเหมือน C ในเพชร แต่มี O คั่นอยู่ระหว่าง อะตอมของซิลิคอนแต่ละคู่ มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงแข็งมากในธรรมชาติพบใน รูปควอตซ์ ไตรดีไมด์ คริสโตบาไลต์ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำแก้ว ใยแก้วนำแสง |
![]() |
ตัวเลือกข้อ ฉ
ซิลิกา (SiO2) เกิดพันธะไอออนิก ผิดครับ ที่ถูกคือยึดเหนี่ยวด้วยพันธะโคเวเล้นต์มีรูปร่างโครงผลึกร่างตาข่ายครับ |
พิจารณาตัวเลือกที่ จ. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก |
ผลึกไอออนิก (Ionic Crystal) หน่วยอนุภาคของผลึกชนิดนี้ คือ ไอออน ประกอบด้วย ไอออนบวก (cations) และไอออนลบ (anions) ที่เชื่อมเข้าด้วยกันด้วยแรงดึงดูดของ ไฟฟ้าสถิต จะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีเมื่อถูกหลอมละลายและไม่ดีเมื่ออยู่ในสภาวะของแข็ง เพราะไอออนไม่มีการเคลื่อนที่ มีความแข็งแรง และจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง เนื่องจากต้องใช้พลังงานในการแยกไอออนออกจากกันมาก ตัวอย่างผลึกชนิดนี้ ได้แก่ CsCl, ZnS, CaF2, CuSO4, NaCl เป็นต้น |
(ZnS)Zinc sulfide โดยปกติถูกผลิตจากวัสดุเหลือใช้. มักจะผลิตจากวัสดุที่วัสดุเหลือใช้จากการใช้งานอื่น ๆ แหล่งที่มาทั่วไปรวมถึงโรงหลอม, ตะกรันและเหล้าดอง นอกจากนี้ยังเป็นผลพลอยได้จากการสังเคราะห์ของแอมโมเนียจาก ก๊าซมีเทน โดยที่ ZnO ถูกใช้ในการไล่ไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่สกปรกในก๊าซธรรมชาติ. |
ZnO + H2S → ZnS + H2O |
พิจารณาตัวเลือกที่ จ. ผลึก ZnS เกิดพันธะไอออนิก ถูกต้องครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น